REM Sleep คือ

ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและสิ่งกระตุ้นมากมาย การนอนหลับที่มีคุณภาพดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หาได้ยากขึ้นทุกที แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการนอนหลับไม่ได้เป็นเพียงแค่การพักผ่อน แต่ยังเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและสมอง โดยเฉพาะในระยะที่เรียกว่า REM Sleep คือระยะที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจของเรา บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ REM Sleep และความสำคัญของการนอนหลับอย่างมีคุณภาพอย่างเจาะลึก

Key Takeaways

  • REM Sleep คือช่วงการนอนหลับที่สมองทำงานคล้ายตอนตื่น เกิดการฝันบ่อยและดวงตาเคลื่อนไหวรวดเร็ว แต่กล้ามเนื้อจะอยู่ในภาวะอัมพาตชั่วคราว
  • วงจรการนอนหลับ Sleep Cycle แบ่งเป็น 4 ระดับการนอนหลับ คือ Non-REM 3 ระยะ (เริ่มหลับ, หลับตื้น, หลับลึก) และ REM 1 ระยะ (หลับฝัน) ซึ่งจะหมุนเวียนสลับกันตลอดคืน
  • นอนหลับ REM คือตัวช่วยในเรื่องการเรียนรู้ ความจำ การสร้างสรรค์ และการปรับสมดุลทางอารมณ์ รวมถึงการฟื้นฟูร่างกาย
  • ลูปการนอนหนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 90 นาที และควรมี 3-6 รอบต่อคืน การตรวจการนอนหลับสามารถช่วยวัดประสิทธิภาพได้

REM Sleep คืออะไร

การนอนหลับแบบ Rapid Eye Movement หรือ REM Sleep คือหนึ่งในวงจรการนอนหลับที่สำคัญ สมองจะทำงานคล้ายกับตอนที่เราตื่นอยู่ ทำให้เกิดการฝันบ่อยที่สุดในช่วงนี้ และดวงตาจะเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราวเพื่อป้องกันไม่ให้เราขยับตามความฝัน

วงจรการนอนหลับ (Sleep Cycle) แบบ REM จะเริ่มขึ้นประมาณ 90 นาทีหลังจากการหลับในแต่ละคืน โดยจะใช้เวลาสั้น ๆ ในช่วงแรกแล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในรอบต่อ ๆ ไป ซึ่งรวมแล้วประมาณ 20-25% ของการนอนหลับทั้งหมด การนอนหลับแบบ REM มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความทรงจำ การเรียนรู้ การควบคุมอารมณ์ และการฟื้นฟูสมองให้พร้อมใช้งานในวันถัดไป

ระยะของการนอน แบ่งออกเป็นอะไรบ้าง

ระยะของการนอน

ระยะของการนอนหลับแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลัก ๆ ซึ่งรวมอยู่ใน 2 ช่วงใหญ่ คือ Non-REM และ REM โดย Cycle การนอนหลับทั้ง 4 ระยะนี้จะหมุนเวียนสลับกันไปตลอดทั้งคืน เพื่อให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อนและฟื้นฟูอย่างเต็มที่

ช่วงหลับธรรมดา (Non-REM Sleep) คือการนอนหลับที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของดวงตาอย่างรวดเร็ว โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะย่อย

  • ระยะที่ 1 เริ่มหลับ: เป็น Sleep Stage ช่วงสั้น ๆ ที่เริ่มรู้สึกง่วง สมองเริ่มทำงานช้าลงและดวงตาอาจกลอกไปมาอย่างช้า ๆ บางครั้งอาจมีอาการตกใจสะดุ้งตื่น (Hypnic Jerk) หรือเห็นภาพหลอนก่อนหลับ (Hypnagogic Hallucination)
  • ระยะที่ 2 หลับตื้น: คือเวลาที่หัวใจเต้นช้าลง อุณหภูมิร่างกายลดลง และสมองทำงานช้าลงกว่าเดิม เป็นช่วงที่ใช้เวลามากที่สุดในการนอนแต่ละคืนและมีความสำคัญต่อความจำระยะสั้น
  • ระยะที่ 3 หลับลึก: คือช่วงเวลาที่ร่างกายจะพักผ่อนมากที่สุดและไม่ค่อยตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก เป็นช่วงที่ร่างกายจะฟื้นฟูตัวเองและมีการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone) หากถูกปลุกในระยะนี้จะรู้สึกงัวเงียมาก

ช่วงหลับฝัน (REM Sleep) คืออีกหนึ่งช่วงเวลาที่สำคัญในวงจรการนอนหลับ

  • ระยะที่ 4 หลับฝัน: เป็นช่วงที่สมองทำงานคล้ายกับตอนตื่นนอน ทำให้เกิดการฝันอย่างชัดเจนที่สุด ดวงตาจะเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว (Rapid Eye Movement) ช่วงนี้สำคัญต่อการเรียนรู้ การสร้างความทรงจำถาวร และการสร้างจินตนาการ

เกิดอะไรขึ้นในระยะ REM Sleep

สิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการนอนหลับ REM คือดวงตาของคุณจะเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว แม้จะหลับตาอยู่ก็ตาม อัตราการเต้นของหัวใจและจังหวะการหายใจจะเพิ่มขึ้นและไม่สม่ำเสมอ ซึ่งแตกต่างจากช่วงนอนหลับลึกอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ แม้ว่าร่างกายจะอยู่ในสภาวะอัมพาตชั่วคราวเพื่อป้องกันไม่ให้ขยับตามความฝัน แต่ สมองจะมีการทำงานอย่างมาก คล้ายกับตอนที่เราตื่นอยู่ คลื่นสมองจะมีความถี่และไม่สม่ำเสมอ ทำให้เป็นช่วงที่เกิดความฝันที่ชัดเจนที่สุด การนอนหลับที่ดีในระยะนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดระเบียบความทรงจำ การเรียนรู้ และการฟื้นฟูสมองโดยรวม

วงจรการนอนหลับทำงานอย่างไร

เมื่อเราเริ่มหลับ วงจรการนอนหลับจะเริ่มต้นด้วยช่วง Non-REM Sleep โดยจะเข้าสู่ระยะที่ 1, 2, และ 3 ตามลำดับ จากนั้นจะกลับมาสู่ระยะที่ 2 และ 1 อีกครั้ง ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง REM Sleep เมื่อจบช่วง REM วงจรการนอนจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง โดยวนกลับไปสู่ระยะที่ 1 ของ Non-REM

หนึ่งรอบของวงจรการนอนหลับพักผ่อน (Sleep Cycle) จะใช้เวลาประมาณ 90 นาที โดยประกอบด้วยช่วง Non-REM ประมาณ 80 นาที และช่วง REM ประมาณ 10 นาที โดยปกติแล้ว การนอนหลับที่มีคุณภาพในหนึ่งคืนควรมีวงจรการนอนประมาณ 3-6 รอบ ซึ่งเราสามารถตรวจวัดประสิทธิภาพของวงจรการนอนเพื่อดูแลตัวเองให้มีอายุยืนยาว (Longevity) ได้ด้วย การตรวจการนอนหลับ ที่สามารถทำได้ทั้งที่บ้านและในสถานพยาบาล

REM Sleep สำคัญอย่างไร

REM การนอน คือ

การนอนหลับในระยะ REM Sleep มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีประโยชน์หลักดังนี้

  • ช่วยเรื่องการเรียนรู้และความจำ: REM Sleep มีบทบาทสำคัญในการจัดระเบียบและประมวลผลข้อมูลที่ได้รับระหว่างวัน ช่วยเปลี่ยนความจำระยะสั้นให้เป็นความจำระยะยาว และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้
  • เพิ่มความคิดสร้างสรรค์: ในช่วงนี้สมองจะทำการเชื่อมโยงข้อมูลและประสบการณ์ต่าง ๆ ที่แตกต่างกันเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
  • ปรับสมดุลทางอารมณ์: การนอน REM คือช่วงเวลาที่สมองใช้ในการจัดการและประมวลผลอารมณ์ต่าง ๆ รวมถึงความเครียดและความวิตกกังวล ความฝันที่เกิดขึ้นในระยะนี้เป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยลดความตึงเครียดทางอารมณ์
  • ช่วยซ่อมแซมร่างกาย: การนอนหลับในระยะนี้ยังมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมร่างกายและเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพิ่ม REM Sleep ได้อย่างไร

การเพิ่มปริมาณ REM Sleep ที่ดีที่สุดคือการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับโดยรวมให้ดีขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้เข้าสู่ครบทุกระยะของวงจรการนอนอย่างเต็มที่ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้

  • จัดสภาพแวดล้อมในห้องนอน: ควรจัดห้องนอนให้มีบรรยากาศที่เหมาะสมกับการพักผ่อน เช่น ใช้ผ้าม่านกันแสง เลือกผ้าปูที่นอนที่นุ่มสบาย และควบคุมอุณหภูมิห้องให้เย็นสบายพอดี หรืออาจมองหานวัตกรรมสุขภาพส่งเสริมการนอนอย่างโซฟาปรับนอน 1 ที่นั่ง
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ควรออกกำลังกายก่อนนอนประมาณ 4-6 ชั่วโมง ไม่ควรออกกำลังกายทันทีก่อนเข้านอนเพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัว
  • สร้างตารางการนอน: กำหนดตารางนอน เวลาเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาทุกวัน แม้ในวันหยุด เพื่อช่วยให้ร่างกายจดจำและสร้างวงจรการนอนหลับที่เป็นปกติ 
  • งดงีบหลับตอนกลางวันนานเกินไป: งีบกี่นาที? การงีบหลับสั้น ๆ ช่วงกลางวันไม่เกิน 30 นาที สามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ แต่ถ้าหากงีบหลับนานเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการนอนหลับในเวลากลางคืนได้
  • เลือกท่านอนที่สบาย: ท่านอนส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ การนอนหงายและนอนตะแคงเป็นท่าที่ช่วยให้คุณหลับสบายกว่าท่าคว่ำ
  • ฝึกผ่อนคลายก่อนนอน: ลองทำกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย เช่น ฝึกการหายใจ ฟังเพลงบรรเลง หรืออาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน
  • หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์: งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มชูกำลัง รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะช่วง 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน
  • หลีกเลี่ยงอาหารหนักก่อนนอน: การกินอาหารมื้อใหญ่หรือรสจัดใกล้เวลานอนจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก จนรบกวนการนอนหลับได้
  • งดสูบบุหรี่: สารนิโคตินในบุหรี่เป็นสารกระตุ้นประสาทที่ทำให้หลับยาก และส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับโดยตรง
  • รับประทานอาหารที่ช่วยในการนอน: ลองดื่มนมอุ่น ๆ หรือกินกล้วยหอมก่อนนอน เนื่องจากมีกรดอะมิโนที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและนอนหลับง่ายขึ้น

REM Sleep คือช่วงเวลาสำคัญของการนอนหลับ ยกระดับได้ด้วยเก้าอี้จาก ollu Thailand

REM คืออะไร? การนอนหลับแบบ REM ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาแห่งความฝันเท่านั้น แต่ REM Sleep คือระยะสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูสมองและร่างกายอย่างมีนัยสำคัญ การนอนหลับที่มีคุณภาพและครบทุกวงจรจะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดจาก REM Sleep ทั้งในด้านความจำ การเรียนรู้ และการปรับสมดุลอารมณ์ การดูแลตัวเองให้มีสุขภาวะที่ดีและอายุที่ยืนยาว จึงเริ่มต้นได้จากการให้ความสำคัญกับการนอนหลับอย่างเพียงพอและมีคุณภาพในทุก ๆ คืน

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ โดยเฉพาะช่วง REM Sleep คือท่านอนที่ถูกต้องและสบาย เก้าอี้ Zero Gravity Chair จาก ollu Thailand จึงถูกออกแบบตามหลัก Zero Gravity Recliner เพื่อจำลองท่านั่งและท่านอนในสภาวะไร้น้ำหนัก ช่วยลดแรงกดทับต่อกระดูกสันหลังและข้อต่อ ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต และช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลโดยตรงให้คุณหลับได้สนิทและลึกยิ่งขึ้น

ติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ REM Sleep 

REM Sleep ควรเท่าไร

โดยทั่วไปแล้ว REM Sleep ควรมีสัดส่วนประมาณ 20-25% ของเวลานอนทั้งหมดสำหรับผู้ใหญ่ หรือคิดเป็น 1.3-2.3 ชั่วโมงต่อคืน หากคุณนอนหลับ 7 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุและความเหนื่อยล้า หากคุณอดนอน ร่างกายจะพยายามชดเชยด้วยการเพิ่มระยะเวลาของ REM Sleep ในคืนถัดไป

รู้ได้อย่างไรว่าหลับลึก

คุณสามารถสังเกตได้จากความรู้สึกหลังตื่นนอน หากรู้สึก สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ตลอดวัน แสดงว่าคุณอาจได้นอนหลับลึกอย่างเพียงพอแล้ว แต่ถ้ายังรู้สึก อ่อนเพลีย หรือ ง่วงซึม ก็เป็นสัญญาณว่าการนอนหลับของคุณอาจไม่มีประสิทธิภาพ

Light Sleep ควรเท่าไร

ระยะหลับตื้น เป็นช่วงเริ่มต้นของการนอนหลับ ร่างกายจะเริ่มเข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจจะช้าลงกว่าปกติ แม้จะยังสามารถถูกปลุกให้ตื่นได้ง่ายจากสิ่งรบกวนภายนอกเล็กน้อย

ระยะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากสภาวะตื่นไปสู่การนอนหลับที่ลึกขึ้น โดยทั่วไปแล้ว ระยะหลับตื้นจะไม่มีปริมาณที่กำหนดตายตัว แต่จะเกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของวงจรการนอนหลับทั้งหมดและวนซ้ำหลายครั้งในแต่ละคืน

Similar Posts